ท่าแพลงก์ ช่วยอะไร
ท่าแพลงก์ ช่วยอะไร
การออกกำลังกายด้วยการฝึกท่าแพลงก์ ถือเป็นท่าบริหารหลักสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายที่การทำนั้นเป็นการทำง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ แค่มีประโยชน์ช่วยได้หลายอย่างเลยทีเดียว
ช่วยปรับปรุงบุคลิกท่าทาง
ท่าแพลงก์ เป็นการออกกำลังกายที่ร่างกายต้องเกร็งขนานไปกับพื้น ทำให้หลัง หน้าอก ไหล่ หน้าท้อง และคออยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงบุคลิกท่าทางโดยรวม ยังทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง และมีสุขภาพดีอีกด้วย
ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย
การทำท่า Plank เป็นการยืดไหล่ กระดูกไหปลาร้า และกล้ามเนื้ออื่น ๆ เกือบจะทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และเสริมสร้างความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวไปพร้อมกัน การทำแพลงกิ่งให้เป็นกิจวัตรประจำวันจะช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของร่างกายโดยรวมได้ดีเป็นอย่างมาก
ช่วยลดไขมันหน้าท้อง
การลดไขมันในร่างกายโดยเฉพาะหน้าท้อง ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในการลดน้ำหนัก ถึงการออกกำลังกายทุกประเภทสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ แต่การทำแพลงกิ้งเสริมเข้าไป จะทำให้ไขมันหน้าท้องลดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันโดยรวมของร่างกายได้เป็นอย่างดีมีกระชับได้แทบจะทุกส่วน
ช่วยลดอาการปวดหลัง
เมื่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง และแกนกลางลำตัวของคุณแข็งแรงขึ้น ร่างกายจะใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องมากขึ้นตามไปด้วย ทำลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อส่วนหลัง นอกจากนี้ ในระหว่างทำท่าแพลงก์ กระดูกสันหลังของคุณจะอยู่ในตำแหน่งเป็นเส้นตรง ซึ่งช่วยให้หลังมีความแข็งแรง ส่งผลให้ลดความเสี่ยงต่ออาการปวดได้
ช่วยปรับปรุงระบบการเผาผลาญของร่างกาย
สิ่งที่ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการออกกำลังกายด้วยการแพลงกิ้งคือการช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหาร ที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีมากกว่าซิทอัพ และที่ครันช์ การทำแพลงกิ้งเพียงแค่วันละ 10 ครั้ง ครั้งละ 1 นาที สามารถเพิ่มการเผาผลาญได้ตลอดทั้งวัน
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายประเภทอื่น ๆ
การทำแพลงก์ เป็นการเน้นไปที่การบริหารแกนกลางของลำตัว ส่งผลให้ลำตัวจะมีความแข็งแรงมากขึ้น ส่งผลให้การออกำกลังกายประเภทอื่นมีประสิทธิภาพตามไปด้วย เพราะการออกกำลังกายแทบจะทุกประเภทต้องใช้ความแข็งแรงของแกนกลางเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การปั่นจักรยาน การเล่นเวท หรือเล่นกีฬาต่าง ๆ เรามักจะเห็นนักกีฬาเพิ่มการฝึกแพลงกิ้ง
การทำท่าแพลงก์ ถึงแม้จะช่วยได้หลายอย่าง แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังก็คือไม่ควรที่จะทำนานมากเกิน 2 นาที เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาอาการปวดหลัง หรือปวดเอวได้ และควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายประเภทอื่นด้วย