การทำ IFฉบับพื้นฐาน
การทำ IFฉบับพื้นฐาน
การลดความอ้วนในปัจจุบัน มีอยู่หลายหลากวิธีเป็นทางเลือก ขึ้นอยู่กับแต่ละวิธีที่จะเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน ในช่วง 1 -2 ปีที่ผ่านมานี้ ทางเลือกการลดน้ำหนักที่มีกระแสมาแรงคือการทำ IF (Intermittent Fasting) เป็นการควบคุมน้ำหนักที่เรียกง่าย ๆ ว่าการทรับประทานอาหารแบบเว้นช่วงเวลาเพื่อให้ร่างกายได้เว้นช่วงในการเผาพลาญพลังงานในร่างกาย
การทำ IF สำหรับผู้เริ่มต้น จะเว้นระยะในการรับประทาน 16 ชั่วโมง ทานมื้ออาหารได้ภายในเวลา 8 ชั่วโมง โดยจะควบคุมปริมาณแคลลอรี่เท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการ งดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะจะทำให้รู้สึกหิวได้ง่ายกว่าปกติ เวลาที่เหมาะกับเว้นระยะ คือรับประทานมื้อแรกตอนเวลา 12.00 น. และมื้อสุดท้ายไม่เกิน 20.00 น. หรือหากต้องการปรับให้เข้ากับเวลาในการดำเนินชีวิต สามารถเริ่มทานมื้อแรกได้ตอน 9 โมงเช้า และมื้อสุดท้าย ไม่เกิน 5 โมงเย็น ช่วงนี้เวลาจะช่วยให้การทำ IF ของผู้เริ่มต้นทำได้ง่ายขึ้น แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่เท่ากับการเริ่มมื้อแรกตอนเที่ยง
เมื่อเริ่มไปได้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ร่างกายจะเริ่มปรับตัวได้ อาการหิวจะน้อยลง จนสามารถเว้นระยะได้แบบไม่ทรมาน หลังจากนั้นอาจจะปรับการทำ IF เป็นแบบอดอาหาร 24 ชั่วโมง และทานได้ภายใน 24 ชั่วโมง เฉพาะช่วงเวลาเที่ยงถึง 2 ทุ่ม ทำได้แบบวันเว้นวัน วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะอาจจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าได้ ควรเริ่มต้น 16/8 ก่อน ให้ร่างกายคงที่แล้วจึงเริ่มทำแบบ alternate day fasting เพื่อให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
หรือหากใครที่ร่างกายสามารถเว้นระยะ Fasting ได้ระยะยาว อาจจะใช้วิธีการทำ IF แบบ The Warrior Diet คือการรับประทานอาหารในช่วง 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มแบบมื้อใหญ่เพื่อให้แคลลอรี่เพียงพอต่อร่างกายต้องการ ในหนึ่งสัปดาห์จะเริ่มทำแบบ The Warrior Diet เพียงแค่ 2 วัน โดยวันปกติจะทำแบบ 16/8 เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุล
ระหว่างมื้อของการทำ IF จะดื่มได้เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น เพื่อให้ทิ้งระยะเวลาให้ร่างกายได้ Fasting อย่างเต็มที่ สำหรับอาหารที่รับประทานในช่วงเวลา ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่หลีกเลี่ยงไขมันสูง เลือกทานแต่อาหารไขมันดี ทานผัก ผลไม้ ในปริมาณที่พอดี งดทานอาหารรสจัด และของหวาน เพื่อควบคุมน้ำตาล แต่ต้องให้ปริมาณแคลลอรี่เพียงพอที่ร่างกายต้องกาย
ข้อสำคัญของการทำ IF ให้ได้ผลและมีสิทธิภาพที่สุด คือการอดอาหารและเริ่มทานอาหารให้ตรงเวลาตามตารางการทำ Fasting เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวอย่างสมดุล และมีเวลาได้ Fasting เพียงพอ และต้องมีวินัย พยายามควบคุมร่างกายและอดอาหารได้ตามเวลา หากรู้สึกหิวให้ดื่มน้ำมาก ๆ อีกทั้งเมื่อทำ Fasting ไม่ควรออกกำลังกายอย่างหนัก ทำได้เพียงแค่การวอร์มให้ร่างกายได้บริหารและเคลื่อไหวเท่านั้น